https://feshousekaide.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 สิงหาคม 2018

เคล็ดลับ! กายบริหารแกว่งแขนบำบัดโรค

หลักสำคัญของการบริหารแกว่งแขนบำบัดโรค 1. ยืนตรง  เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน ให้มีระยะห่างเท่ากับช่วงไหล่ 2. ปล่อยมือทั้งสองข...

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 ส.ค.*ให้โลหิต ให้ชีวิต* Share life by give blood !




วันนี้ 5 สิงหาคม 2561 วันคล้ายวันเกิด
ถึงเวลาไปทำความดี (อันยิ่งใหญ่) อีกครั้ง!






5 . 08 . 2018
ครั้งนี้เป็นการบริจาคโลหิต ครั้งที่ 15 
ที่สำนักงานกาชาดจังหวัดเชียงใหม่


" ให้โลหิต ให้ชีวิต "


มีความรู้สึกตื่นเต้น(เล็กน้อย) ทุกครั้งก่อนไปบริจาคโลหิต
ต้องมีการเตรียมตัวบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลา..เมื่อตั้งใจเดินทางไปบริจาคโลหิตแล้ว
แต่พอถึงเวลากลับบริจาคโลหิตไม่ได้  ก็จะเสียเวลา เสียความรู้สึกไปเปล่าๆ


ก่อนวันบริจาคเราจึงจำเป็นต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ที่สำคัญ
อีกอย่างคือ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ และไม่กินยารักษาโรค ยาแก้ปวด แก้อักเสบ
อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาคโลหิต เลือดของเราจะได้ปกติดี ไม่ลอย


ในวันที่ไปบริจาคก็กินข้าวไปก่อน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงเช่นข้าวขาหมู
จึงได้แวะกินข้าวที่ห้างโลตัสมีโชคพลาซ่า เป็นทางผ่านสะดวกได้กินข้าวในห้องแอร์
เลือกเมนูอร่อย ก็คือข้าวไข่ฟู + แกงเลียง 1 ชุด 60 บาท กินแล้วอิ่มสบายท้อง


อืมๆ เกือบลืม ! การไปบริจาคครั้งนี้ก็มีพิเศษหน่อยนึง ได้เอาลำไยสีชมพู 
1 ตะกร้าผลไม้ ไปบริจาคด้วย เป็นผลไม้อินทรีย์ รสชาติหอมหวาน เนื้อหนากรอบๆ 
นำไปฝากเจ้าหน้าที่สำนักงานกาชาด เพราะหลายครั้งแล้วที่ได้ไปกินน้ำหวานขนมที่นั่น






สรุป ก็ได้บุญใหญ่กลับมาบ้าน 
แถมยังมีออเดอร์สั่งซื้อลำไยสีชมพูจากเจ้าหน้าที่กาชาด อีกสามสิบกิโล ได้รับ
เงินสดเป็นค่าน้ำมันรถเข้าเมืองเรียบร้อยสบายใจ! ตัวเราและครอบครัวก็อิ่มบุญ อิ่มพุง
ไปถ้วนหน้ากันเลยทีเดียวเชียว@ในวันคล้ายวันเกิดปีนี้ รวยๆเฮงๆ@



ปล. ได้ยาบำรุงโลหิตมา 1 ถุง ก็อย่าลืมกินวันละ 1 เม็ด 
จนหมดน๊า..โลหิตจะได้ปกติดีพร้อมสำหรับการไป
ทำบุญใหญ่ กับการบริจาคโลหิตในครั้งต่อๆไป ค๊า !



๕ ส.ค.*ถึงกำหนดทำความดี* Share life by give blood ! (Past)


*** ถึงกำหนดการทำความดี  ***

*** Donate Blood ***






เมื่อสองปีที่ผ่านมา ในวันคล้ายวันเกิด ในวันที่ 5 สิงหาคม.....วันนั้น..เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจไปบริจาคโลหิต......ที่สำนักงานกาชาด จังหวัดเชียงใหม่






ปกติเป็นคนที่กลัวการบริจาคโลหิต มาจนเกือบครึ่งชีวิต ทั้งนี้เป็นเพราะกลัวเลือด , กลัวเข็มฉีดยามากๆ  และที่สามารถตัดความกลัว! ในครั้งนั้นออกไปได้บ้างนั่นคงเป็นเพราะว่า ต้องทนทุกข์กับ การเผชิญวิบากกรรม ที่ได้ทำไว้ ไม่ว่าชาติที่แล้ว หรือว่าในชาตินี้....ซึ่งได้ประสบกับตัวเองแล้วว่า มันเจ็บปวด ทางจิตใจมากเหลือเกิน ไม่รู้วันหายสักที ใช้ระยะเวลาชดใช้แสนยาวนาน....เมื่อได้นำความเจ็บปวดนั้นมาเทียบกับการใช้เข็มเจาะเลือดแล้ว...รู้ว่าการเจ็บตัวนั้นมันเพียงเล็กน้อย จากการที่ผิวหนังถูกเข็มทิ่มแทง ในชั่วขณะหนึ่ง ที่เหมือนถูกมดกัด   มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ..
ในเวลานี้..แล้วฉันยังได้ทำความดีเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นอีกด้วย                   




การบริจาคโลหิตในครั้งนี้ (ตามรูปด้านบน)เป็นครั้งที่ 5.  บริจาคไป นัันโดยที่ไม่ได้หวังเพียงได้เข็มที่ระลึก หรือเข็มแสดงถึงเกียรติคุณใดๆ  หวังอยู่บ้างเพียงแต่.....ให้เลือดของตัวเรานั้น ได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น   และเมื่อการทำความดีครั้งนี้แล้วก็ได้บังเกิดบุญกุศลขึ้น  จึงตั้งจิตอธิษฐาน แผ่ส่วนบุญนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ..ในขณะที่กำลังนอนบริจาคโลหิตอยู่บนเตียง..  ด้วยว่า.........




"ขอแผ่บุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำในครั้งนี้ ให้แก่ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลายของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรม นายเวร อดีตชาติ หรือ ปัจจุบันชาติ  บัดนี้ข้าพเจ้าได้สำนึกในบาป บุญคุณโทษแล้ว  จึงได้มาทำความดี ในการบริจาคโลหิตในวันนี้ 
.....ขอให้ท่านจงมาอนุโมทนาบุญ และได้รับบุญกุศล ในครั้งนี้โดยทั่วกัน ให้ท่านจงมีบุญ บารมีสูงยิ่งๆขึ้นไป  เพื่อจะได้อยู่ในภพ ในภูมิที่ดี  และขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เวลานี้เป็นต้นไป........ฯลฯ "      




หลังจากนั้น....มีความรู้สึกว่าใจของนั้นอิ่มเอิบ สบายใจ  ตัวโล่ง เบา สบาย  ...จากการได้ทำความดีในวันนี้   มาคิดดูแล้วว่า มันช่างน่าเสียดาย วัน เวลา ที่ผ่านพ้นมาเสียเหลือเกิน รู้อย่างนี้น่าจะทำความดี โดยการบริจาคโลหิต ให้เร็วกว่านี้ 

เสียดายที่ปล่อยให้เวลาสามสิบปีผ่านไปอย่างไร้ค่า  ถ้าหากได้บริจาคโลหิตตามเวลาที่เสียไปนั้น เลือดของตัวเราคงจะได้ทำประโยชน์ ให้กับชีวิตคนอื่นๆได้อีกตั้งมากมาย เป็นร้อยๆชีวิตกันเลยทีเดียว  มัวแต่คิดไปคิดกลัว !! ไม่เข้าเรื่อง 
กว่าจะรู้  ! กว่าจะได้ทำประโยชน์  ! ก็เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว      






 การบริจาคโลหิต นี้ ไม่ใช่ว่า ใครนึกจะบริจาค วันไหน  สภาพร่างกายอย่างไรก็ได้ ต้องมีคุณสมบัติของการบริจาคโลหิตด้วยนะ อาธิเช่น ต้องมีอายุ 17 ปี ถึง 60 ปี (ถ้าเป็นผู้บริจาค ครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี)  มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว, ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด , สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร , ไม่มีการคลอดบุตร หรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ขึ้นไป






การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต .....ต้อง นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ต่อเนื่อง , ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว ไม่กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ , ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ มาก่อน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค, เลือดไม่ลอย  และในวันที่ไปบริจาคโลหิตต้องทานอาหารหลักก่อนการบริจาคด้วย  อาหารต้องไม่มีไขมันมาก เช่นข้าวมันไก่ หรือข้าวขาหมู เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติ เป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้      







มีบางคนที่เจอในที่บริจาค กำลังคิดจะมาบริจาคโลหิต แต่ก็ไม่สามารถบริจาคได้ ก็เพราะตัวเองนั้น ป่วยมีโรคหลายโรค บางทีหมอแนะนำให้ไปบริจาคโลหิต เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี สร้างเม็ดเลือดใหม่ แต่มันก็สายเกินไป ......ที่สภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะให้เสียแล้ว  ดูแล้วก็น่าสงสาร


ดังนั้น..จึงคิดว่าตัวเองยังโชคดีอยู่บ้าง ที่คิด และติดสินใจได้ทัน ไม่สายเกินไปทั้งนี้เป็นเพราะความทุกข์จากวิบากกรรมนี่เอง จึงได้เร่งเร้าให้ไปทำความดีให้มากๆ มากกว่ากรรมชั่วที่ได้เคยทำมา  จึงได้คิดว่าในความไม่ดี ก็มีความดีแอบแฝงอยู่เสมอ เหมือนดั่งที่เขาว่า ในชีวิตคนเรา "เมื่อมีวิกฤติ ก็ย่อมมีโอกาส " นั่นเอง !        




จึงได้ถ่ายทอด ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้ ....ให้ได้รับรู้กัน เพื่อจะได้รีบสร้างสมกรรมดี  ทำความดี  กันเสียแต่เนิ่นๆ  ...ในขณะที่ยังมีโอกาสทำได้... ก่อนที่ทุกอย่าง
จะสายจนเกินไป ที่จะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำความดี


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำความดี ด้วยการ ***บริจาคโลหิต*** นั้นดียิ่งนัก เพราะไม่ต้องใช้เงิน เพื่อไปใช้จ่าย ซื้อข้าวของ สำหรับไปทำความดี แต่อย่างใด  เหมาะที่สุดกับคนที่กำลังประสบปัญหาการเงิน ...เพียงแค่ใช้ใจ " ทำความดีอันยิ่งใหญ่ "

เพื่อไปทำความดี ในการบริจาคโลหิต 
คุณก็จะได้กับได้ด้วยความสุขที่เกิดขึ้นในใจอย่างมากมาย.