https://feshousekaide.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 2018

เคล็ดลับ! กายบริหารแกว่งแขนบำบัดโรค

หลักสำคัญของการบริหารแกว่งแขนบำบัดโรค 1. ยืนตรง  เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน ให้มีระยะห่างเท่ากับช่วงไหล่ 2. ปล่อยมือทั้งสองข...

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 ส.ค.*ให้โลหิต ให้ชีวิต* Share life by give blood !




วันนี้ 5 สิงหาคม 2561 วันคล้ายวันเกิด
ถึงเวลาไปทำความดี (อันยิ่งใหญ่) อีกครั้ง!






5 . 08 . 2018
ครั้งนี้เป็นการบริจาคโลหิต ครั้งที่ 15 
ที่สำนักงานกาชาดจังหวัดเชียงใหม่


" ให้โลหิต ให้ชีวิต "


มีความรู้สึกตื่นเต้น(เล็กน้อย) ทุกครั้งก่อนไปบริจาคโลหิต
ต้องมีการเตรียมตัวบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลา..เมื่อตั้งใจเดินทางไปบริจาคโลหิตแล้ว
แต่พอถึงเวลากลับบริจาคโลหิตไม่ได้  ก็จะเสียเวลา เสียความรู้สึกไปเปล่าๆ


ก่อนวันบริจาคเราจึงจำเป็นต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ที่สำคัญ
อีกอย่างคือ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ และไม่กินยารักษาโรค ยาแก้ปวด แก้อักเสบ
อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาคโลหิต เลือดของเราจะได้ปกติดี ไม่ลอย


ในวันที่ไปบริจาคก็กินข้าวไปก่อน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงเช่นข้าวขาหมู
จึงได้แวะกินข้าวที่ห้างโลตัสมีโชคพลาซ่า เป็นทางผ่านสะดวกได้กินข้าวในห้องแอร์
เลือกเมนูอร่อย ก็คือข้าวไข่ฟู + แกงเลียง 1 ชุด 60 บาท กินแล้วอิ่มสบายท้อง


อืมๆ เกือบลืม ! การไปบริจาคครั้งนี้ก็มีพิเศษหน่อยนึง ได้เอาลำไยสีชมพู 
1 ตะกร้าผลไม้ ไปบริจาคด้วย เป็นผลไม้อินทรีย์ รสชาติหอมหวาน เนื้อหนากรอบๆ 
นำไปฝากเจ้าหน้าที่สำนักงานกาชาด เพราะหลายครั้งแล้วที่ได้ไปกินน้ำหวานขนมที่นั่น






สรุป ก็ได้บุญใหญ่กลับมาบ้าน 
แถมยังมีออเดอร์สั่งซื้อลำไยสีชมพูจากเจ้าหน้าที่กาชาด อีกสามสิบกิโล ได้รับ
เงินสดเป็นค่าน้ำมันรถเข้าเมืองเรียบร้อยสบายใจ! ตัวเราและครอบครัวก็อิ่มบุญ อิ่มพุง
ไปถ้วนหน้ากันเลยทีเดียวเชียว@ในวันคล้ายวันเกิดปีนี้ รวยๆเฮงๆ@



ปล. ได้ยาบำรุงโลหิตมา 1 ถุง ก็อย่าลืมกินวันละ 1 เม็ด 
จนหมดน๊า..โลหิตจะได้ปกติดีพร้อมสำหรับการไป
ทำบุญใหญ่ กับการบริจาคโลหิตในครั้งต่อๆไป ค๊า !



๕ ส.ค.*ถึงกำหนดทำความดี* Share life by give blood ! (Past)


*** ถึงกำหนดการทำความดี  ***

*** Donate Blood ***






เมื่อสองปีที่ผ่านมา ในวันคล้ายวันเกิด ในวันที่ 5 สิงหาคม.....วันนั้น..เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจไปบริจาคโลหิต......ที่สำนักงานกาชาด จังหวัดเชียงใหม่






ปกติเป็นคนที่กลัวการบริจาคโลหิต มาจนเกือบครึ่งชีวิต ทั้งนี้เป็นเพราะกลัวเลือด , กลัวเข็มฉีดยามากๆ  และที่สามารถตัดความกลัว! ในครั้งนั้นออกไปได้บ้างนั่นคงเป็นเพราะว่า ต้องทนทุกข์กับ การเผชิญวิบากกรรม ที่ได้ทำไว้ ไม่ว่าชาติที่แล้ว หรือว่าในชาตินี้....ซึ่งได้ประสบกับตัวเองแล้วว่า มันเจ็บปวด ทางจิตใจมากเหลือเกิน ไม่รู้วันหายสักที ใช้ระยะเวลาชดใช้แสนยาวนาน....เมื่อได้นำความเจ็บปวดนั้นมาเทียบกับการใช้เข็มเจาะเลือดแล้ว...รู้ว่าการเจ็บตัวนั้นมันเพียงเล็กน้อย จากการที่ผิวหนังถูกเข็มทิ่มแทง ในชั่วขณะหนึ่ง ที่เหมือนถูกมดกัด   มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ..
ในเวลานี้..แล้วฉันยังได้ทำความดีเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นอีกด้วย                   




การบริจาคโลหิตในครั้งนี้ (ตามรูปด้านบน)เป็นครั้งที่ 5.  บริจาคไป นัันโดยที่ไม่ได้หวังเพียงได้เข็มที่ระลึก หรือเข็มแสดงถึงเกียรติคุณใดๆ  หวังอยู่บ้างเพียงแต่.....ให้เลือดของตัวเรานั้น ได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น   และเมื่อการทำความดีครั้งนี้แล้วก็ได้บังเกิดบุญกุศลขึ้น  จึงตั้งจิตอธิษฐาน แผ่ส่วนบุญนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ..ในขณะที่กำลังนอนบริจาคโลหิตอยู่บนเตียง..  ด้วยว่า.........




"ขอแผ่บุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำในครั้งนี้ ให้แก่ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลายของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรม นายเวร อดีตชาติ หรือ ปัจจุบันชาติ  บัดนี้ข้าพเจ้าได้สำนึกในบาป บุญคุณโทษแล้ว  จึงได้มาทำความดี ในการบริจาคโลหิตในวันนี้ 
.....ขอให้ท่านจงมาอนุโมทนาบุญ และได้รับบุญกุศล ในครั้งนี้โดยทั่วกัน ให้ท่านจงมีบุญ บารมีสูงยิ่งๆขึ้นไป  เพื่อจะได้อยู่ในภพ ในภูมิที่ดี  และขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เวลานี้เป็นต้นไป........ฯลฯ "      




หลังจากนั้น....มีความรู้สึกว่าใจของนั้นอิ่มเอิบ สบายใจ  ตัวโล่ง เบา สบาย  ...จากการได้ทำความดีในวันนี้   มาคิดดูแล้วว่า มันช่างน่าเสียดาย วัน เวลา ที่ผ่านพ้นมาเสียเหลือเกิน รู้อย่างนี้น่าจะทำความดี โดยการบริจาคโลหิต ให้เร็วกว่านี้ 

เสียดายที่ปล่อยให้เวลาสามสิบปีผ่านไปอย่างไร้ค่า  ถ้าหากได้บริจาคโลหิตตามเวลาที่เสียไปนั้น เลือดของตัวเราคงจะได้ทำประโยชน์ ให้กับชีวิตคนอื่นๆได้อีกตั้งมากมาย เป็นร้อยๆชีวิตกันเลยทีเดียว  มัวแต่คิดไปคิดกลัว !! ไม่เข้าเรื่อง 
กว่าจะรู้  ! กว่าจะได้ทำประโยชน์  ! ก็เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว      






 การบริจาคโลหิต นี้ ไม่ใช่ว่า ใครนึกจะบริจาค วันไหน  สภาพร่างกายอย่างไรก็ได้ ต้องมีคุณสมบัติของการบริจาคโลหิตด้วยนะ อาธิเช่น ต้องมีอายุ 17 ปี ถึง 60 ปี (ถ้าเป็นผู้บริจาค ครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี)  มีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว, ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด , สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร , ไม่มีการคลอดบุตร หรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ขึ้นไป






การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต .....ต้อง นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ต่อเนื่อง , ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว ไม่กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ , ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ มาก่อน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค, เลือดไม่ลอย  และในวันที่ไปบริจาคโลหิตต้องทานอาหารหลักก่อนการบริจาคด้วย  อาหารต้องไม่มีไขมันมาก เช่นข้าวมันไก่ หรือข้าวขาหมู เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติ เป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้      







มีบางคนที่เจอในที่บริจาค กำลังคิดจะมาบริจาคโลหิต แต่ก็ไม่สามารถบริจาคได้ ก็เพราะตัวเองนั้น ป่วยมีโรคหลายโรค บางทีหมอแนะนำให้ไปบริจาคโลหิต เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี สร้างเม็ดเลือดใหม่ แต่มันก็สายเกินไป ......ที่สภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะให้เสียแล้ว  ดูแล้วก็น่าสงสาร


ดังนั้น..จึงคิดว่าตัวเองยังโชคดีอยู่บ้าง ที่คิด และติดสินใจได้ทัน ไม่สายเกินไปทั้งนี้เป็นเพราะความทุกข์จากวิบากกรรมนี่เอง จึงได้เร่งเร้าให้ไปทำความดีให้มากๆ มากกว่ากรรมชั่วที่ได้เคยทำมา  จึงได้คิดว่าในความไม่ดี ก็มีความดีแอบแฝงอยู่เสมอ เหมือนดั่งที่เขาว่า ในชีวิตคนเรา "เมื่อมีวิกฤติ ก็ย่อมมีโอกาส " นั่นเอง !        




จึงได้ถ่ายทอด ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้ ....ให้ได้รับรู้กัน เพื่อจะได้รีบสร้างสมกรรมดี  ทำความดี  กันเสียแต่เนิ่นๆ  ...ในขณะที่ยังมีโอกาสทำได้... ก่อนที่ทุกอย่าง
จะสายจนเกินไป ที่จะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำความดี


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำความดี ด้วยการ ***บริจาคโลหิต*** นั้นดียิ่งนัก เพราะไม่ต้องใช้เงิน เพื่อไปใช้จ่าย ซื้อข้าวของ สำหรับไปทำความดี แต่อย่างใด  เหมาะที่สุดกับคนที่กำลังประสบปัญหาการเงิน ...เพียงแค่ใช้ใจ " ทำความดีอันยิ่งใหญ่ "

เพื่อไปทำความดี ในการบริจาคโลหิต 
คุณก็จะได้กับได้ด้วยความสุขที่เกิดขึ้นในใจอย่างมากมาย.  


วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ดื่มถูกดีไม่ฉี่บ่อย !?(ตอนกลางคืน) @ "น้ำแครนเบอรี่"



การที่ต้องลุกขึ้นไปฉี่ !!! เมื่อเรานอนหลับตอนกลางคืนบ่อยๆ
เกินกว่า 3 ครั้ง ก็น่าจะถือว่าเป็นการฉี่บ่อยแล้วหละ ซึ่งเป็นการรบกวนเวลานอน
ตามปกติของคนทั่วไป จะฉี่ประมาณ 1-2 ครั้ง ในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้นเอง


ส่วนสาเหตุของการฉี่บ่อยนั้นตามปกติ ก็น่ามาจาก ดื่มน้ำเยอะเกินไป / ดื่มเครื่อง
ดื่มที่กระตุ้นให้เกิดปัสสาวะบ่อย เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์
การสูบบุหรี่ เป็นต้น และที่สำคัญมักเกิดจากที่เรามีอายุมากขึ้นนั่นเอง


เกิดการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อเชิงกราน และการบีบรัดของกล้ามเนื้อหูรูด
เสื่อมลง  สำหรับสาเหตุจากโรคภัยก็เช่นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เป็นโรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง โรคไต และมีเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ


ถ้าเรารู้สาเหตุที่เราฉี่บ่อยในตอนกลางคืนตามสาเหตุดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ถ้ามาจากสาเหตุที่เราสามารถแก้ไขจากพฤติกรรมการดื่มกิน ก็ควรงด/ลด ควรหมั่น
สังเกตุไม่เพิกเฉยการฉี่บ่อยดังกล่าว จะทำให้เกิดโรคภัยมากขึ้นจนต้องพบแพทย์


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ควรหมั่นดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอๆ มีอะไรผิดปกติ
เกิดขึ้นกับร่างกายเราก็ควรรีบป้องกันรักษาไว้ก่อน คิดว่ามันง่ายกว่าการต้องรักษา
หลายๆเท่านัก!  เราเองได้ลองซื้อน้ำแครนเบอรี่มาดื่มเดือนละขวด 3-4 เดือนแล้วล่ะ


จึงรู้ว่าการดื่ม " น้ำแครนเบอรี่ " นี่ได้ผลดีทีเดียว ดื่มตอนตื่นนอน 2 ช้อนโต๊ะ
ถ้าดื่มมากกว่านี้อีกช้อนสองช้อน ก็จะทำให้ระบายท้องได้ดีอีกด้วยชอบๆ(พุงยุบดี)
ใครที่สนใจ! จะทำตามก็ยินดีเลย และถ้าต้องการประหยัดเงินอีก 25% (ราคาสมาชิก)


เชิญชมคลิปวิดีโอ
108 OkClip





ก็ยินดีให้หมายเลขสมาชิกของเราไปซื้อตามศูนย์กิฟฟารีน(ทั่วประเทศ)ตามสาขา
ที่สะดวกอยู่ใกล้บ้าน ช่วงลองดู!ยังไม่ต้องเสียเงินค่าสมัครสมาชิก 200 บาท(ตลอดชีพ)
เมื่อไหร่ที่แน่ใจแล้วว่าดื่มแล้วดีจริง ! ค่อยมาสมัครที่หลังก็ได้นะ....ไม่ว่ากันค่ะ!


สรุปจากที่เราเคยลุกขึ้นไปฉี่ก่อนเข้านอนและตอนนอนหลับ..บางคืนฉี่บ่อยถึง 5 ครั้ง
ในช่วงพิคสุดที่อากาศเย็น/ฝนตก ลุกฉี่บ่อยจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว..ตั้งแต่ดื่มน้ำแครนเบอรี่
เพียงวันละครั้ง ตอนกลางคืนก็เกือบไม่ฉี่เลย หรือไม่ก็ตามปกติ 1-2 ครั้ง นี่มากสุดแล้ว!


แครนเบอร์รี่, พุ่มไม้, ท้องฟ้า, เมฆ


คติ *** ป้องกัน ดีกว่าแก้ แย่แล้ว0จะแก้ไม่หาย *** นะจ๊ะ !


รหัสสมาชิกกีฟฟารีน(รัตนธร) 13152030






น้ำแครนเบอรี่ 

น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น จากแคนเบอรี่ 90% น้ำองุ่น 10% อร่อยทานได้ง่าย มีสารโปรแอนโตไซยานิดินมากในแครนเบอรี่ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในโลก








วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ทำน้ำเสาวรสสดหวาน @ พาไปเก็บเสาวรสในไร่

เก็บสดเสาวรสพันธุ์ไต้หวัน 

ณ ไร่เฟยหลง


















โดยคลิปวิดีโอนี้ค่ะ

(English Subtitle)




https://www.youtube.com/watch?v=rhDrQxzo2zk



เช้านี้พาไปเก็บเสาวรสในไร่ เพื่อมาทำเป็นน้ำเสาวรสสดๆ
แช่เย็นๆหวานหอมไว้ดื่มให้ชื่นใจไปเลย โดยคั้นทำสดๆ 
ไม่เพิ่มความหวานใดๆ อาจเพิ่มเกลือป่นเล็กน้อยเพื่อความ
กลมกล่อม ดื่มเสาวรสสดทำให้ได้วิตามิน แร่ธาติ ครบถ้วน


 วิตามิน และไฟเบอร์ ในขณะที่เสาวรส 100 กรัม 
ให้พลังงานเพียงแค่ 97 แคลอรีเท่านั้น














 จึงสามารถช่วยขจัดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ อีกทั้งยัง
ช่วยขับสารพิษในลำไส้ ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ไปได้ในตัว


ควรดื่มน้ำเสาวรสในปริมาณที่พอเหมาะ สลับกับ
การกินผักและผลไม้ชนิดอื่นๆด้วย เพื่อที่ร่างกายจะได้รับ
คุณประโยชน์ทางโภชนาการตามความจำเป็นอย่างพอดี















~~~~~~~~~~~~~~~~~100 ~~%%%~~~~~~~~~~~~~~~



วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

7 kg.น้ำหนักลด@เซทออกกำลังกาย(หญิงสูงวัย) Healthy weight loss for old lady.


7 เดือน ลด 7 kg. @เซทออกกำลังกาย
Healthy weight loss for old lady.






สาธิตวิธีออกกำลังกาย
การลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้หญิงสูงวัย






เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น อาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย
ไม่ได้รับการเผาผลาญ และเกิดเป็นพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้
ก็มักจะสะสมเป็นแป้งและไขมันเกาะอยู่ตามท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา

ดังนั้น จึงมักจะเห็นคนสูงวัย ไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชาย ส่วนมาก
มักจะอ้วนลงพุง มีน้ำหนักมากขึ้นๆๆ และจะทำให้เกิดโรคภัยต่างๆตามมา
เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องควบคุมการกินอาหารในแต่ละวัน

พร้อมกับการออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ ควบคู่กันไปกับการควบคุมอาหาร
เราก็จะขจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ ด้วยวิธีธรรมชาติ มีความปลอดภัย
ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้จ่ายเงินไปกับเรื่องสุขภาพ มากเกินความจำเป็น 

การใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกาย
ที่แข็งแรงสมบูรณ์ ปลอดโรคภัยไข้เจ็บที่่จะมาเบียดเบียน ไม่เจ็บป่วยไม่ต้องรักษา 
ซึ่งจะทำให้เสียเงินเสียเวลา ไปมากกว่า"การป้องกันดูแลสุขภาพ"ไว้แต่เนิ่นๆ






ชมวิธีการออกกำลังกายด้วยคลิปวิดีโอนี้ค่ะ

เพื่อลดน้ำหนัก..สำหรับหญิงสูงวัย

(English Subtitle)



https://www.youtube.com/watch?v=f390WZSs8Gg


การใช้อุปกรณ์สำหรับการออกกำลังกาย

ใช้อุปกรณ์ที่เรามีอยู่ / สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ หรืออาจจะใช้อุปกรณ์
ที่มีใช้อยู่แล้ว และได้ผลใกล้เคียงกันกับที่แนะนำ มาทดแทนก็สามารถทำได้
 และทำเองได้ง่ายๆที่บ้านของเราค่ะ












อุปกรณ์ที่ใช้มีอยู่ 3 ชนิด คือ

1. เครื่องออกกำลังแบบม้าโยก
2. เชือกกระโดด
3. ดัมเบล(หุ้มยาง) มีน้ำหนักข้างละประุมาณ 2.3 กิโลกรัม


วิธีการออกกำลังกาย

1. อุปกรณ์เครื่องม้าโยก  (ใช้เวลารวม 30 นาที)

ให้ถีบม้าโยกด้วยท่าแขนตรง ตัวตรง และขาเหยียดตรง
ถึบไปแบบปกติธรรมดา ประมาณ 10 นาที
หลังจากนั้น ให้ถีบด้วยความเร็วอีก ประมาณ 10 นาที
และสลับความเร็วมาเป็นปกติ อีก 10 นาที


2. เชือกกระโดด 

ฝึกหัดกระโดดเชือกให้ได้ติดต่อกัน ประมาณ 50-100 ครั้ง


3. ดัมเบล (ยกดัมเบล รวมประมาณ 600 ครั้ง)

1 เซ็ท มีอยู่ 4 สะเต็บ
** ทำซ้ำ สะเต็บที่ 1 , 2 **

Step. 1 " เหยียดแขนลงไปด้านข้างลำตัว ซ้าย-ขวา " = 100 ครั้ง

Step. 2 " เหวี่ยงสุดแขนไปด้านหลัง ซ้าย-ขวา " = 100 ครั้ง

Step. 3 " ยกแขนตรงขึ้นไปเหนือศรีษะ" = 100 ครั้ง

Step. 4 " บริหารกล้ามเนื้อหน้าอก " = 100 ครั้ง

**ให้ทำซ้ำ Step. 1 และStep. 2  อีกสะเต็บละ 100+100 ครั้ง


Step. 1 
" เหยียดแขนลงไปด้านข้างลำตัว ซ้าย-ขวา "
 = 100 ครั้ง







Step. 2 
" เหวี่ยงสุดแขนไปด้านหลัง ซ้าย-ขวา " 
= 100 ครั้ง







Step. 3 
" ยกแขนตรงขึ้นไปเหนือศรีษะ"
 = 100 ครั้ง







Step. 4 
" บริหารกล้ามเนื้อหน้าอก "
 = 100 ครั้ง







นี่เป็นวิธีการออกกำลังกาย แบบฟิตเนส ในบ้าน 
แบบง่ายๆเหมาะกับผู้หญิงสูงวัย ที่รักการออกกำลังกาย 
ซึ่งได้ออกกำลังกายแบบนี้
มาประมาณ 7 เดือน น้ำหนักลดลงถึง 7 กิโลกรัม 
กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  จึงเป็น
 " วิธีลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ" 
จริงๆค่ะ