สูครวิธีทำง่ายๆ " น้ำเต้าหู้งาดำ " สำหรับวัยทอง

" น้ำเต้าหู้งาดำ "

ช่วยบรรเทาอาการหมดประจำเดือน

การวิจัยในผู้หญิงวัยทองพบว่า

ผู้ที่กินอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองและเมล็ดแฟลกซ์

ช่วยบรรเทาอาการหมดประจำเดือน ช่องคลอดแห้งได้

ภาวะกระดูกพรุน

ถั่วเหลืองและงาดำ มีแคลเซียมสูง นิยมบริโภคควบคู่กัน

เพื่อให้โปรตีนที่จำเป็นสำหรับร่างกายครบถ้วน

*สูตรวัยทองน้ำเต้าหู้งาดำ*

ชมวิธีทำน้ำเต้าหู้งาดำ

ด้วยคลิปวิดีโอนี้ค่ะ

น้ำเต้าหู้งาดำ 

ที่มีส่วนผสมจากถั่วเหลืองและงาดำ 

จึงมีประโยชน์มากมายคับแก้ว

ถั่วเหลือง" (Soybean)  มีสารอาหารครบถ้วน

ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้มีผิวพรรณผ่องใสอีกด้วย

ประโยชน์จากโอเมก้าในถั่วเหลือง สามารถช่วยบำรุงสมองและเซลล์ประสาท

งาดำเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินอี มีแคลเซียมสูง

งาดำขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียมมีมากกว่านมถึง 6 เท่า 
นอกจากนี้ก็ยังมีสังกะสีที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เพิ่มมวลกระดูก จึงเหมากับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน 

ขณะที่วิตามินอีที่อยู่ในงาดำก็ยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น หากรับประทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่ากระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดี ห่างไกลจากริ้วรอยแห่งวัย 
ดูเด็กลงได้อีกหลายปีเลยค่ะ


 น้ำเต้าหู้งาดำ 

ที่มีส่วนผสมจากถั่วเหลืองและงาดำ 

จึงมีประโยชน์มากมายคับแก้ว

ถั่วเหลือง" (Soybean)  มีสารอาหารครบถ้วน

ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้มีผิวพรรณผ่องใสอีกด้วย

ประโยชน์จากโอเมก้าในถั่วเหลือง สามารถช่วยบำรุงสมองและเซลล์ประสาท

สูตรสมุนไพร(ว่านไพล)+วิธีขัดตัวให้ผิวเนียนสวย..สดชื่นผ่อนคลาย Spa body scrub with mixer Phlai herb.

ให้สูตรขัดตัวสมุนไพร

 (ว่านไพล) 

ชมวิธีขัดตัว
สูตรสมุนไพรส่วนผสมของ"ว่านไพล"
โดยคลิปวิดีโอนี้ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=eX1-sXnZ444
(English Subtitle)

Spa body scrub with mixer herbs.

ขัดตัวสปาในวันหยุดพักผ่อน

วันหยุดเมื่อมีเวลาควรดูแลสุขภาพผิวกายกันซะหน่อย พักผ่อนนอนเล่นอยู่กับบ้านเฉยๆ
ไปเปล่าๆให้เสียเวลากันทำไม! การขัดนวดตัวด้วยสมุนไพรไทย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้
ผิวของเราได้รับการพักผ่อน และเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปได้ด้วย
ซึ่งวิธีการขัดผิวจะเป็นการทำความสะอาดได้ล้ำลึกยิ่งกว่าการอาบน้ำปกติธรรมดา อีกทั้ง
ร่างกายจิตใจของเราก็ยังได้รับการผ่อนคลายด้วยการสูดกลิ่นหอมๆจากสมุนไพรอีกด้วย

ให้สูตรขัดตัวสมุนไพรไทย

{ว่านไพล+น้ำนม+เกลือขัด+น้ำแร่} 

ไพล หรือทางภาคเหนือเรียกว่า "ปูเลย"
เป็นสมุนไพรยอดฮิตสำหรับสถานบริการความงามและสปา
Phlai herb for massage and spa health benefit beauty
เนื่องด้วยไพลมีสรรพคุณรักษาผิว ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสนั่นเอง
ไพล มีดอกสีเหลืองนวล ดอกมีลักษณะเป็นช่อรูปกรวย

มีผลขนาดเล็กลักษณะเป็นก้อนกลม แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ส่วนเหง้าซึ่งมีเปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง ส่วนเนื้อในมีสีเหลืองแกมเขียว มีกลิ่นเฉพาะและเป็นส่วนที่เราสามารถนำมาทำแป้งขัดผิวช่วยทำให้ผิวผุดผ่องเป็นยองใย ลบริ้วรอยจุดด่างดำ และทำให้ไม่เกิดสิว ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

สูตรสมุนไพรจากว่านไพล

มีส่วนผสม 
(ส่วนผสมนี้ใช้ประมาณกับแขนข้างหนึ่ง) 

ผงสมุนไพรว่านไพล  1  ช้อนโต๊ะ
นมสด / นมจืด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือขัดน้ำแร่น้ำนม  1 ช้อนโต๊ะ

***คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน***

ปล. : ) หากต้องการใช้ในการขัดตัวก็ให้เพิ่มจำนวนส่วนผสมให้มากขึ้น 
พอดีกับการใช้ขัดผิวให้ได้ทั่วทั้งตัว พิจารณาตามลักษณะรูปร่างผิวกายของแต่ละบุคคล
กะประมาณให้พอดีเอาก็แล้วกัน เพื่อจะได้ไม่เหลือทิ้งเสียดายของ ก็เท่านั้นเองค่ะ

วิธีขัดตัว

ก่อนขัดผิวให้ล้างผิวบริเวณที่จะขัดด้วยน้ำสะอาดก่อนนะคะ

วิธีขัดผิวให้ใช้ปลายนิ้ว 3 นิ้ว ป้ายเอาส่วนผสมของสมุนไพรมาขัดผิว วนเป็นลักษณะก้นหอยหรือวนตามเข็มนาฬิกา ลงน้ำหนักนิ้วเพียงเล็กน้อย ระหว่างขัดผิวหากส่วนผสมสมุนไพรแห้ง

รู้สึกไม่ลื่นนิ้ว ก็ให้ป้ายเอาน้ำนมลงไปผสมขัดผิวด้วย ก็จะทำให้การขัดผิวได้ลื่นสบาย

เน้นลงน้ำหนักการขัดมากขึ้นในบริเวณข้อศอก/เข่า/ตามรอยพับต่างๆที่หนามีสีผิวคล้ำหมอง 

และให้ใช้เวลาขัดนานขึ้น  เมื่อได้ขัดผิวได้ทั่วผิวตามที่เราต้องการแล้ว ให้ใช้น้ำสะอาดล้าง 

หรือในกรณีที่ขัดตัวก็ให้อาบน้ำ เพื่อล้างสมุนไพรที่ผิวออกให้สะอาด

ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สำหรับการขัดตัวด้วยสมุนไพร จากส่วนผสมของว่านไพลค่ะ

ให้ผิวเนียนสวย รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย

หลังจากการขัดผิวด้วยสมุนไพร สูตรส่วนผสมของว่านไพลดังกล่าวแล้ว 
เราจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ รู้สึกถึงความเบาสบายเนื้อ 
สบายตัวขึ้น  และเมื่อได้สัมผัสลูบไล้ผิวที่ขัดแล้ว ก็จะรู้สึกถึงความนุ่มลื่นผิว
แลดูผิวขาวเนียนเปล่งปลั่งสดใสสวยงามขึ้นในทันทีทันใดเลยค่ะ!!

11 วิธีแสนง่าย ถนอมและบำรุงดวงตาให้สดใสอยู่เสมอ

ดวงตาคู่นี้ได้ใช้มาอย่างยาวนาน

*~~~~~~~~~~***~~~~*****

ตั้งแต่เริ่มลืมตาดูโลกใบนี้มา...จนถึงทุกวันนี้ก็เข้าสู่วัยผู้สูงอายุแล้ว

แม้จะใช้ชีวิตง่ายๆสบายๆ หลังเกษียณอายุราชการมาแล้วหลายปี แต่ดวงตาคู่นี้ก็ยังคงได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน ด้วยความที่เป็นคนมีงานอดิเรกที่รัก ที่ต้องทำอยู่ทุกๆวัน สายตาต้องจ้องมองตัวอักษร รูปภาพต่างๆ ในคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จนกระทั่งดวงตามันประท้วงเจ้าของ (เมื่อไม่นานมานี้) รู้สึกถึงอาการตาเป็นเส้นวิ้งๆ เส้นใสๆเหมือนฟ้าแลบ ต่อมาก็เตือนด้วยการมองภาพพร่ามัวไม่ชัด จนระยะหลังๆ ก็เพิ่มตาแห้งแสบตา จนน้ำตาไหล จึงได้รู้ว่าตัวเองได้ใช้งานดวงตาหนักเกินไปแล้ว......

เมื่อถึงเวลาที่ต้องถนอมและบำรุงรักษาดวงตา

ในเวลานี้ได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของดวงตาแล้ว เมื่อวันที่เกือบจะสายเกินแก้ เนื่องจากการที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจดูแลสายตาตัวเอง มองข้ามความสำคัญที่สุดของชีวิตตอนนี้ไป จึงอยากจะเขียนเตือนคนรอบข้าง และคนที่ผ่านเข้ามาและมีความสนใจอ่านบล็อกนี้ทุกคนว่า "ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ" ของเรามากที่สุดอีกส่วนหนึ่งของชีวิต โปรดอย่ามองข้าม กลับมาสนใจถนอมสายตา ป้องกันดูแลดวงตาคู่สวยของคุณกันแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีดวงตาที่แจ่มใส สามารถใช้งานเป็นอย่างดีไปได้นานแสนนาน

มาดูวิธีการถนอมและบำรุงดวงตา

11. วิธีแสนง่าย 

วิธีถนอมและบำรุงรักษาดวงตาให้สดใสอยู่เสมอ

1. หัวใจหลักของการดูแลสุขภาพตา สิ่งแรกต้องเป็นการไม่ใช้ดวงตาจนเกินขอบเขต  ไม่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ไม่อ่านหนังสือในที่มีแสงน้อย และ ไม่ควรจ้องจอหรือใช้โทรศัพท์มือถือ ในเวลานอนตอนกลางคืน 2. กินอาหารที่มีวิตามินเอเป็นส่วนประกอบอย่าง ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง  ตำลึง แครอท  คะน้า ฟักทอง รวมทั้ง เบต้าแคโรทีนที่ได้จากผักสีส้ม สีเหลือง เหล่านี้  ที่ช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี และผลไม้ตะกูลเบอรี่ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ  เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อดวงตาที่จะช่วยในเรื่องรักษาบำรุงดวงตาไม่ให้เสื่อมสภาพไว  3. สวมเเว่นกันเเดด เมื่อออกไปในบริเวณที่มีแสงแดดจ้าในเวลากลางวัน  เพื่อช่วยในการกรองแสงและถนอมสายตาได้เป็นอย่างดี  ติดฟิล์มกรองแสงสีฟ้า หรือฟิล์มลดแสงสะท้อน ที่จอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือของเรา  4. ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ควรสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน็อค) เพื่อความปลอดถภัย และช่วยกันลม และกันฝุ่นเข้าดวงตาได้เป็นอย่างดี  5.  แก้อาการตาบวม ด้วยช้อนสะอาดเเช่ตู้เย็นจนเย็นเฉียบมาประคบที่เปลือกตาเบาๆ  หรือใช้ถุงชาที่ชงดื่มแล้ว นำมาประคบบนเปลือกตา ก็จะช่วยให้ลดอาการบวมบรรเทาลง

6. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ดวงตา อาจเกิดการติดเชื้อและเกิดอาการตาอักเสบได้  หากเกิดการระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้าง หรือใช้น้ำยาล้างตาจากเภสัชกร  7. การใช้สายตาในการอ่านสือต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้ตาเกิด อาการล้าได้ ถ้าเลือกได้ควรเลือกอ่านจากกระดาษที่มีสีเหลืองอ่อนๆ สีนวลๆ  จะช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีกว่าการใช้กระดาษที่มีสีขาว  8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น  มีสุขภาพดีแข็งแรง รวมทั้งดวงตาของเราก็จะได้รับการพักผ่อนไปด้วย  9. ทริค!  แนะนำการบริหารดวงตา และกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา ด้วยการหลับตาลงและลืมตาขึ้น ตามลมหายใจช้าๆ ประมาณสิบยี่สิบครั้ง ในบางช่วงเวลา  เพื่อจะทำให้น้ำมาหล่อเลี้ยงดวงตาได้ดี ตาชุ่มชื่น ไม่เกิดอาการแสบตาเคืองตา

 10. ควรพักสายตาอยู่เป็นระยะๆ เช่น หากมองจอคอมพิวเตอร์ ก็หันมองทางอื่นบ้าง 

หรืออ่านหนังสืออยู่ ก็หลับตาพักสายตาบ้าง  ละจากการเพ่งมองเฉพาะจุด

ด้วยการทอดสายตามองไปไกลๆ ดูต้นไม้ใบหญ้า หรือสิ่งที่เป็นสีเขียวจากธรรมชาติ

 11. หาวิตามินเอ ผลิตภัณฑ์ที่บำรุงสายตา มาช่วยเสริมอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องคัดสรร

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่มีคุณภาพและมีเครื่องหมาย อย. รับประกันมาใช้ 

เพื่อบำรุงสายตาอย่างต่อเนื่อง  ให้หลีกเลี่ยงการใช้คอนแท็กเลนส์ ที่ไม่มี อย. 

เพราะอาจเป็นอันตรายต่อดวงตา ที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดได้

Warning! รู้ทัน! ภัยเงียบ (ตาติดจอ) ในยุคโซเชียล

ในชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคโซเชียล

แต่ละวันตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ ดวงตาของเราต้องทำงานหนักแค่ไหน!?!

ทั้งจ้องจอคอมพิวเตอร์ และส่วนมากจะจ้องจอเล็กๆจากเครื่องโทรศัพท์มือถือ เพื่อพูดคุยอัพเดทข่าวสารต่างๆ ผ่านทาง Social Media ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ 

ทั้งยังต้องใช้สายตาอ่านหนังสือและทำงานอีก จึงทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน

จึงได้รับอันตรายจากแสงสีฟ้า

จากคอมพิวเตอร์ จอมือถึอ จอโทรทัศน์ รวมถึงผู้ที่ต้องทำงานกลางแสงแดดจ้านานๆ และ

ผู้ที่มีอาชีพขับรถในเวลากลางคืน ส่วนมากที่กล่าวถึงนี้จึงเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะได้รับผลกระทบทำให้เซลล์ประสาทตาเสื่อม เกิดอาการปวดตา ตาแห้ง พร่ามัว น้ำตาไหล อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม และโรคต้อกระจกได้อีกด้วย 

เราไม่รู้ว่าขณะนี้ ผู้ที่มีพฤติกรรมความเสี่ยง

 เริ่มมีอาการดังกล่าวตั้งแต่อายุน้อยๆกันแล้วหรือยัง?!  คิดว่าทางสถานพยาบาลเกี่ยวกับตา คงจะมีข้อมูลที่แน่นอน และถ้ามีแนวโน้มเสี่ยงมากที่น่าเป็นห่วงจะกระทบต่อสุขภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมก็คงจะประกาศจากทางการออกมาเตือนกัน! แต่เท่าที่เห็นขณะนี้ ก็จะพบผู้ที่มีอาการตาพล่ามัว น้ำตาไหล ก็เกิดกับตัวเอง และคนสูงอายุเพื่อนฝูงในวัยใกล้เคียงกัน

ถึงเวลาแล้วหรือยัง!?...ที่ต้องใส่ใจดูแลดวงตา

ดูแลเป็นพิเศษ เพราะดวงตาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง อย่าละเลยปล่อยไปจนเมื่อได้รับผลกระทบและเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว จึงค่อยมาขวนขวายสนใจในการดูแลรักษา อยากเห็นผู้คนให้ความสนใจให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองให้มากๆ รู้จักป้องกันโรค โดยการดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองไว้แต่เนิ่นๆ เริ่มตั้งแต่ค้นหาข้อมูลเรื่องน่ารู้สาระดีๆต่างๆ ทำความเข้าใจ และป้องกันการเกิดโรค ใส่ใจดูแลดวงตาด้วยสารอาหารที่ดี มีประโยชน์เพื่อดวงตาโดยเฉพาะ 

ควรดูแลเรื่องอาหารการกิน และการออกกำลังกาย

ควรกินอาหารในแต่ละวัน ให้ครบ 5 หมู่ เรื่องเกี่ยวกับสุขศึกษา สุขภาพอนามัยที่ดี ที่เคยเล่าเรียนมานั้นลืม!!..ไปหมดแล้วหรือยัง? นั่นคือสิ่งสำคัญยิ่ง ....แล้วลืมเหตุการณ์ที่ "พี่ตูน" มีโครงการวิ่งก้าวคนละก้าว จากใต้สุดมาเหนือสุด ในการระดมทุนเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วย 11 โรงพยาบาลศูนย์ฯ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาแล้วหรือยัง?!  และสิ่งที่เกิดขึ้นคราวนั้นทำให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงหรือไม่!?

สิ่งสำคัญยิ่งคือการป้องกันและดูแลสุขภาพ

ถ้าเข้าใจถูกต้องดีแล้ว เราจะไม่ให้กำลังใจคุณหมอที่ทำงานหนักด้วยการตะโกนเพียงคำว่า "คุณหมอ..สู้! สู้!..." แต่เราสามารถช่วยคุณหมอได้ด้วยการป้องกันและดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอยู่เสมอ ก็จะลดภาระของสถานพยาบาลได้ โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนคนไข้ให้คุณหมอต้องทำงานหนัก และต้องใช้เงินจำนวนมากเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลด้วยจำนวนที่มากขึ้นๆ ที่สำคัญจะเกิดผลดีกับตัวเราเอง ที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป

"ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" 

 "ไม่เจ็บ..ไม่จน"

การดูแลผิวสวยใสด้วย "ส้มแดง+เบอร์รี่รวม"

ขอย้อนวันวานถึงตอนรุ่นสาวแรกแย้ม อายุประมาณ 14-15 ปีเห็นจะได้

ก็เมื่อ 30 ปีก่อน สภาพดินฟ้าอากาศบ้านเรายังไม่แปรปรวนเช่นทุกวันนี้

คงความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ ในปีหนึ่งๆบ้านเราก็มี 3 ฤดู คือ หนาว ร้อน ฝน 

หมุนเวียนกันไปค่อนข้างจะแน่นอนสม่ำเสมอ...แต่อากาศทุกวันนี้ ในวันหนึ่งมีร้อนกับฝน

วัยรุ่นสาว ในเวลานั้น ไม่รู้จักเครื่องสำอาง ไม่เคยใช้ครีมกันแดด และไม่มีการบำรุงผิวกาย

ใดๆเลย 5 ปีต่อมา เป็นวัยสาวเต็มตัวและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน พอที่จะหาเงินได้เองแล้ว

ก็เห็นเพื่อน พี่ๆในที่ทำงานใช้และพกเครื่องสำอางกัน แต่ตัวเราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

ยังทาแต่แป้งเด็ก พกเป็นกระป๋องเล็กๆ ใส่กระเป๋าติดตัวไปทำงานแค่นั้นเอง

ตอนนั้นไม่กลัวฟ้าฝนแสงแดด ยังคงชอบเล่นกีฬา ชอบเดินตากแดดไม่กางร่ม 

ไม่สนใจคำว่าฝ้ากระ เม็ดสีผิวจะเปลี่ยน ไม่รู้จักแสงยูวี ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

จนกระทั่งอยู่ในวัยจะเฉียดสามสิบ ถึงได้คิดเริ่มห่วงสวย เป็นสาวแก่กำลังจะขึ้นคานทอง

ไม่ดูแลตัวเองก็คงไม่ได้แล้ว แต่เมื่อคิดได้ก็เกือบสายเกินแก้ ใบหน้าหมองคล้ำมีแต่ฝ้ากระ

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณจากภายใน (Skin care from with in)

ด้วยการรับประทานเป็นเม็ด/แคปซูล เพื่อเสริมอาหาร ที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณ ให้เนียนขาวสวย กระจ่างใส กำลังได้รับความนิยม ที่น่าสนใจขึ้นชื่อและน่ารับประทาน เนื่องจากเป็นสารสกัดจากผลไม้ ด้วยธรรมชาติจริงๆ 

นั่นก็คือ "สารสกัดจากส้มแดง" 3 สายพันธุ์จากประเทศอิตาลี

(Moro, Tarocco ,Sanguinello) ซึ่งปลูกในแถบทะเลเมติเรเนียน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย (อ่านเพิ่มเติมได้...ในข้อมูลน่ารู้)

ยังเพิ่มคุณค่าด้วยสารสกัดจากเบอร์รี่รวม(Mixed Berry) เป็นสุดยอดของผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ

มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย

และยังมีเส้นใยอาหารสูง ให้พลังงานต่ำอีกด้วย 

ที่พูดมาทั้งหมดทั้้งมวลนี้ เราคงไม่มีปัญญา ใช้เงินจำนวนมากๆ

 ไปเที่ยวซื้อหา ผลไม้สดๆมาจากต่างประเทศ เพื่อมารับประทานกันได้อย่างแน่นอน 

แต่ในยุคปัจจุบันนี้ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ด้วยเสมอ นั่นก็คือมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เสริมอาหาร ในท้องตลาด ทางออนไลน์ อยู่จำนวนมากมายหลายยี่ห้อ ....เพียงแต่เราต้องให้ความสนใจค้นคว้า สรรหาผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และเชื่อถือได้มาใช้กัน 

ที่สำคัญให้ได้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม แต่ราคาซื้อมาใช้ต้องสบายกระเป๋าก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว 

ดังนั้น การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากส้มสีแดงและสารสกัดจากเบอร์รี่รวม จะช่วยดูแลสุขภาพผิวพรรณให้กระจ่างใส ลดการอักเสบของผิว ชะลอความเสื่อมโทรมของผิวจากการโดนแสงแดด อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง 

ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆที่นำมาสู่โรคร้ายแรงได้อีกด้วยค่ะ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : Gifts for Life

น้ำทับทิมคือราชินีแห่งผลไม้..? มาตามดูกัน !

น้ำทับทิม กิฟฟารีน กรานาดา เข้มข้น แท้ 100% สะอาด ถูกหลักสากล สินค้าคุณภาพ ปลอดภัย 

​"ทับทิม" อาจดูเป็นผลไม้หายาก ราคาแพง แต่เมื่อพูดถึงประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมก็นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว

​คนจีนส่วนใหญ่เชื่อว่าทับทิมนั้นเป็นพรรณไม้มงคลและเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงามและอุดมสมบูรณ์ ใบและกิ่งของทับทิมจะช่วยขจัดและขับไล่ภูติผีปีศาจได้ ยังมีความเชื่อในพิธีแต่งงานอีกว่าหากนำทับทิมเป็นของขวัญแต่คู่บ่าวสาวก็จะทำให้มีลูกหลายมากมาย

น้ำทับทิมเป็นผลไม้ที่สวยงาม และมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) ทับทิมเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์

​ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว

ผลวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า...
ในน้ำทับทิมมีสาร ต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือดป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา

​รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ

​นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย

​​ประโยชน์น้ำทับทิม..

• ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
• ควบคุมการทำงานของอินซูลิน ช่วยฟื้นฟูในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
• ขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันอาการแพ้ท้อง ทำให้ผิวสวย
• ช่วยบำรุง และฟื้นฟูการทำงานระบบหัวใจ ตับ
• ช่วยบำรุงไต และท่อปัสสาวะ
• ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และเพิ่มพลัง
• มีสารต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
• ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการจุกเสียด
• สามารถยับยั้งการก่อเซลล์มะเร็งเต้านม 80%
• ลดอาการวูบวาบ วิงเวียน และอ่อนเพลียในผู้ป่วยช่วงวัยทอง ว้าวประโยชน์เยอะมาก!!

น้ำทับทิม กรานาดา นํ้าทับทิม 100 % ตรา กิฟฟารีน ผลิตจากน้ำทับทิมเข้มข้น

ข้อควรระวัง : 
- น้ำทับทิม ห้ามในโรคล้างไตฟอกเลือด
- โรคเบาหวาน รับประทานน้ำทับทิมได้ในปริมาณ "ไม่มาก"

​วิธีเก็บ ไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา(ขวดที่เปิดแล้ว)
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 ฃีซี ต่อวัน) เวลาใดก็ได้

น้ำทับทิม ได้นำมาผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP  ผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่าปลอดเชื้อโรคปลอดสารพิษปลอดโลหะหนักจึง ปลอดภัย100%